สว.ระบบใหม่
ผู้สมัครต้องเลือกกันเอง ต้องทำความรู้จักกันเอง
มีผู้ประกาศตัวให้คนอื่นรู้จักแล้ว
1,715 คน
เข้ารอบ 255 คน
อัปเดตข้อมูล 10 ก.ค. 2567
ผู้สมัครขอแก้ไขข้อมูลได้ โดยแจ้งมาทางอีเมล [email protected]
ระบบการคัดเลือกสว. ในปี 2567 เป็นระบบพิเศษที่จะใช้ครั้งแรกในโลก เรียกสั้นๆ
ว่า ระบบ
ระบบการเลือกกันเองระหว่างผู้สมัคร จากระดับอำเภอและจังหวัด
เอื้อสำหรับคนที่มีเครือข่าย
ระบบนี้จึงเป็นการคัดเลือก สว. จากคนที่ “มีเพื่อน มีเงิน และมีเวลา” เอื้อสำหรับกับคนที่มีชื่อเสียง อำนาจ และเงิน ซึ่งสามารถจัดตั้งคนไปสมัครและโหวตให้กับพวกเดียวกันเอง
แต่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจ “ล็อก” ไม่ง่าย หากมีผู้สมัครเข้าร่วมกระบวนการจำนวนมาก
ยิ่งมีคนสมัครมาก ก็ยิ่งเกิดการมีส่วนร่วมมาก ทำลายโอกาสของกลุ่ม “จัดตั้ง”
สมัคร สว. เพื่อ มีสิทธิมีเสียง ได้ดังนี้
ลงคะแนนโหวต
ผู้สมัครหนึ่งคน จะได้ออกเสียงโหวตให้กับกลุ่มอาชีพตัวเอง อย่างน้อย 2 เสียง ถ้าเข้ารอบก็จะได้โหวตให้กลุ่มอาชีพอื่นๆ อีก เป็นช่องทางเดียวที่จะได้มีส่วนเลือกคนที่มีอุดมการณ์สอดคล้องตรงกัน
ลุ้นเข้ารอบ
ถ้าผู้สมัครเข้ารอบระดับจังหวัด ก็จะได้โหวตอีกหลายเสียง และถ้าได้เข้ารอบระดับประเทศ จะได้ออกเสียงมากสุดรวมถึง 42 โหวต มีน้ำหนักมากในการตัดสินผู้จะเป็น สว. จริงๆ หรืออาจจะได้เป็น สว. เพื่อไปผลักดันความฝันของตัวเอง
จับตา
ผู้สมัครที่ได้เข้าร่วมกระบวนการยังมีโอกาสช่วยกัน “จับตา” สังเกตสิ่งผิดปกติหากมีการ “จัดตั้ง” หรือ “ล็อกผล” ในกลุ่มผู้สมัครคนอื่น และเป็นกลไกเดียวที่อาจป้องกันหรือเปิดโปงการโกงได้
นอกจากจะต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
อายุ 40 ปีขึ้นไปนับจากวันสมัคร และมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ
และประสบการณ์หรือ
เพื่อความสะดวก เราได้เตรียมเกมไว้ให้คุณลองเช็คแล้ว
เล่นเกม “ฉันสมัคร สว. ได้ไหม?”หรือโทรมาปรึกษาเพิ่มเติม ได้ที่
02-114-3189 (ทีม WeWatch)หรือโทรถาม กกต. โดยตรง
02-141-8888สามารถเลือก 1 อำเภอ/เขตใดก็ได้ที่..
โดยต้องเป็นอาชีพที่ทำ หรือเคยทำติดต่อกันอย่างน้อย 10 ปี
ตัวอย่าง
นาย A เกิดที่ อำเภอ ก เรียนที่ อำเภอ ข, เคยเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ อำเภอ ค ปัจจุบันเปิดร้านอาหารที่ อำเภอ ง นาย A จะมีทางเลือกในการสมัคร สว. ได้ 8 แบบ
หากยังมีข้อสงสัย โทรปรึกษาได้ที่
02-114-3189 (ทีม WeWatch)หรือโทรถาม กกต. โดยตรง
02-141-8888เพื่อประกอบการพิจารณา ลองสำรวจผู้สมัครคนอื่นๆ ในพื้นที่และกลุ่มอาชีพเดียวกับคุณดู
ค้นหาผู้สมัครแบบ “เลือกกันเอง” และ “เลือกไขว้”
พ.ร.ป.สว.ฯ มาตรา 40-42 ออกแบบการเลือก สว. เป็นสามระดับ ดังนี้
1. ผู้สมัครเลือกคนใน “กลุ่มอาชีพ” ตัวเอง ไม่เกิน 2 โหวต โดยโหวตตัวเองได้ แต่โหวตคนเดียว 2 คะแนนไม่ได้
ผู้เข้ารอบ = 5 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม
2. จับสลากแบ่งสาย แต่ละสายมี 3-5 กลุ่ม
3. ผู้เข้ารอบในขั้นที่ 1 โหวตผู้สมัครกลุ่มอื่นในสายเดียวกัน กลุ่มละ 1 โหวต
ผู้ชนะ = 3 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม
ทำขั้นตอน 1-3 เหมือนกับระดับอำเภอ ยกเว้นขั้นตอนสุดท้ายที่เลือกผู้ชนะเพียง 2 อันดับแรก
ผู้ชนะ = 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม
1. ผู้ชนะระดับจังหวัดเลือกคนใน “กลุ่มอาชีพ” ตัวเอง ไม่เกิน 10 โหวต โดยโหวตตัวเองได้ แต่โหวตคนเดียวหลายคะแนนไม่ได้
ผู้เข้ารอบ = 40 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม
2. จับสลากแบ่งสาย แต่ละสาย มี 3-5 กลุ่ม
3. ผู้เข้ารอบในขั้นที่ 1 โหวตผู้สมัครกลุ่มอื่นในสายเดียวกัน กลุ่มละ 5 โหวต
ผู้ชนะ = 10 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม
อันดับที่ 11-15 ของแต่ละกลุ่ม เป็นรายชื่อสำรอง
จะเสร็จภายใน 2 เดือน
11 พ.ค. | สว. ชุดเดิมหมดอายุ ออกพระราชกฤษฎีกาให้เลือก สว. ชุดใหม่ |
13 พ.ค. | ประกาศกำหนดวันรับสมัคร สว. (รู้วันรับสมัคร) |
รับสมัครผู้ประสงค์อยากเป็น สว. ระยะเวลาห้าถึงเจ็ดวัน | |
9 มิ.ย. | เลือกระดับอำเภอ |
16 มิ.ย. | เลือกระดับจังหวัด |
26 มิ.ย. | เลือกระดับประเทศ |
2 ก.ค. | กกต. ประกาศผลการเลือก สว. |
จะต้องสานต่อภารกิจประชาธิปไตย
ต้องอาศัยเสียง สว. หนึ่งในสามลงมติให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อ "เขียนใหม่ทั้งฉบับ" จาก สว. 200 คน ต้องมีคนพร้อม โหวตอย่างน้อย 67 คน
สว. มีอำนาจลงมติเพื่อออกกฎหมาย แม้บทบาทจะน้อยกว่า สส. แต่ถ้า สว. ไม่สนับสนุนสิทธิเสรีภาพ กฎหมายดีๆ ก็ผ่านได้ยาก
สว. สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ ผ่านการอภิปรายในสภา และสะท้อนปัญหาของประชาชนผ่านการตั้งกระทู้ถาม
สว. เป็นด่านสำคัญที่จะลงมติรับรองให้ใครมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ - องค์กรอิสระ (เช่น กกต. ป.ป.ช.) ตุลาการศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด ฯลฯ จึงต้องการ สว. ที่ใจเป็นอิสระ
*สว. ชุดใหม่จะไม่มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว